วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2562

อนุทินที่ 3


เเบบฝึกหัดทบทวน


 1. ใครเป็นผู้ขอพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรกและมีเหตุผลอย่างไร และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาเป็นอย่างไร อธิบาย

ตอบ ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกเรียกว่า“รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม  พุทธศักราช 2475  ซึ่งผู้ขอพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรก ได้แก่ คณะราษฎร์ โดยเหตุผลของผู้ขอพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งนี้นั้น เนื่องจากคณะราษฎร์ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย ซึ่งได้กล่าวไว้ไว้ว่า “บัดนี้การศึกษาสูงขึ้นแล้ว มีข้าราชการประกอบด้วยวุฒิปรีชาในรัฐาภิปาล นโยบายสามารถนำประเทศของตน ในอันที่จะก้าวหน้าไปสู่สากลอารยธรรมแห่งโลกโดยสวัสดี สมควรแล้วที่จะพระราชทานพระบรมวโรกาส ให้ข้าราชการและประชาชนของพระองค์ ได้มีส่วนมีเสียงตามความเห็นดีเห็นชอบในการจรรโลงประเทศสยามให้วัฒนาการในภายภาคหน้า”  และในส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาจะอยู่ในหมวดที่ 2 เรื่องเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของชนชาวสยามมาตรา 14 ภายในบังคับแห่งกฎหมายบุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ภายในร่างกายเคหสถาน ทรัพย์สิน การพูด การเขียน การโฆษณา การศึกษาอบรม การประชุมโดยเปิดเผย การตั้งสมาคม การอาชีพ
(ราชกิจจานุเบกษาม 2547, 536)


2. เเนวนโบายเเห่งรัฐในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของรัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2492 ได้กำหนดอย่างไร อธิบาย

ตอบ   แนวนโยบายแห่งรัฐซึ่งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2492 นั้น ได้แบ่งออกเป็น 3 ดังนี้        
         หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย 
         มาตรา 36 บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการศึกษาอบรม เมื่อการศึกษาอบรมนั้นไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมืองตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาอบรมและไม่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรสถานศึกษา สถานศึกษาของรัฐและของเทศบาลต้องให้ความเสมอภาคแก่บุคคลในการเข้ารับการศึกษาอบรมตามความสามารถของบุคคลนั้น ๆ
         หมวด 4 หน้าที่ของชนชาวไทย
          มาตรา 53 บุคคลมีหน้าที่รับการศึกษาอบรมชั้นประถมศึกษา ภายในเงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ
          หมวด 5 แนวนโยบายแห่งรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
          มาตรา 62 การศึกษาอบรมพึงมีจุดประสงค์ที่จะให้ชนชาวไทยเป็นพลเมืองดี มีร่างกายแข็งแรงและอนามัยสมบูรณ์ มีความรู้ความสามารถที่จะประกอบอาชีพ และมีจิตใจเป็นนักประชาธิปไตย
          มาตรา 63 รัฐพึงส่งเสริมและบำรุงการศึกษาอบรม การจัดระบบการศึกษาอบรมเป็นหน้าที่ของรัฐโดยเฉพาะสถานศึกษาทั้งปวงย่อมอยู่ภายในการควบคุมดูแลของรัฐ การศึกษาอบรมชั้นอุดมศึกษารัฐพึงจัดการให้สถานศึกษาดา เนินกิจการของตนเองได้ภายในขอบเขตที่กฎหมายบัญญัติ
          มาตรา 64 การศึกษาอบรมชั้นประถมศึกษาในสถานศึกษาของรัฐและของเทศบาล จะต้องจัดให้โดยไม่เก็บค่าเล่าเรียน รัฐพึงช่วยเหลือให้มีอุปกรณ์การศึกษาอบรมตามสมควรมาตรา 65 รัฐพึงสนับสนุนการค้นคว้าในทางศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์

3. เปรียบเทียบแนวนโยบายแห่งรัฐประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของรัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2511 พุทธศักราช 2517 และพุทธศักราช 2521 เหมือนหรือต่างกันอย่างไร อธิบาย  

ตอบ   แนวนโยบายแห่งรัฐในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของรัฐธรรมนูญในปีพุทธศักราช 2511 พุทธศักราช 2517 และพุทธศักราช 2521 มีความเหมือนกันตรงและมีความแต่งต่างกันดังนี้
        ความเหมือนกัน เช่น
1.     ในการจัดการอบรมนั้น จะต้องอยู่ในการส่งเสริมและอยู่ในภายใต้การควบคุมของรัฐ แต่ในส่วนระดับอุมศึกษาจะให้สถานถานศึกษาดำเนินการเองโดยอยู่ภายใต้กฎหมายที่ได้หนดขึ้น
2.     ในการอบรมในระดับชั้นที่ต่ำกว่าระดับอุดมศึกษาจะต้องไม่มีการจัดเก็บค่าเล่าเรียน และรั๗จะต้องช่วยเหลือให้ได้มีอุปกรณ์ที่สมควร
3.     รัจจะต้องมีการสนับสนุนการวิจัยในด้านวิทยาศาสตร์ (ราชกิจจานุเบกษา,2511,14, 19)
ในส่วนของความแตกต่างมีดังนี้
                   1.     แนวนโบบายที่เกี่ยวกับการศึกษาในรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2511 และ 2517 รู้มีการสังเสริมวิจัยด้านด้านศิลปวิทยา แต่ในปี 25 แต่ในปี 2517 และ2521 ได้มีการสนับสนุนวิจัยในด้ายสถิติ และเทคโนโลยี
               2.     แนวนโบบายที่เกี่ยวกับการศึกษาในรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2517 รัฐเริ่มกระจายอำนาจเข้าสู่ท้องถิ่มจึงแบ่งการดู้แลสถานศึกษาบ้างส่วนให้อยู่ในสังกัดและภาพใต้การดูแลขององค์กรท้องถิ่น
                3. แนวนโบบายที่เกี่ยวกับการศึกษาในรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2521 ในด้านของคุณลักษณะของการส่งเสริมคนเปลี่ยนแปลงไปคือ “ต้องพัฒนาเยาวชนชองชาติให้มีร่างการที่ สมบูณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเศษฐกิจและสังคมและเพื่อความั่นคงของรัฐ (ราชกิจจานุเบกษา, 2521,17)
                4.     แนวนโบบายที่เกี่ยวกับการศึกษาในรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2521 ให้เสรีของแต่ละบุคคลในการเลือกเข้าอบรมโดยยึดตามหลักความเสมอภาค
                   5.     แนวนโบบายที่เกี่ยวกับการศึกษาในรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2521 ยังช่วยส่งเสริมเด็กยากไร้ และขาดแคลนโดยการมอบทุนและปัจจัยต่างๆในการฝึกอบรม

4. ประเด็นที่ 1 รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2475-2490 ประเด็นที่ 2  รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2492-2517  ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร  อธิบาย 

ตอบ   มีความแตกต่างกันตรงที่ประเด็นที่ 1 ในรัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2475-2490 ไม่บังคับด้านการศึกษาแต่ละบุคคล ดังนั้นแล้วทุกคนจะได้รับการศึกษาเลือกสถานศึกษาโดยให้เสรีในการเลือกตัดสินใจให้เสรีภาพในการศึกษา  ส่วนในประเด็นที่ 2 ในรัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2492-2517  การศึกษาเริ่มเป็นระบบมากขึ้น และได้มีการกระจายอำนาจในบ้างส่วนไปยังท้องถิ่นของแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้เริ่มมีหน่วยงานของรัฐบาลให้ความช่วยเหลือในการศึกษาเพื่อความเท่าเทียมกันของผู้ที่เข้ารับการศึกษาทั้งในเรื่องของ ทุนการศึกษา  และมีการบังคับให้ศึกษาตามระบบมีกฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาที่แน่นอนมีการเข้มงวดในเรื่องการศึกษาโดยทางรัฐบาลจะช่วยเหลือด้านเข้าเล่าเรียน และในด้านอุปกรณ์ต่างๆ ยิ่งไปกกว่านั้นในการสนุบสนุนการวิจัยได้เปลี่ยนไปตามความต้องการของโลกและประเทศในยุคนั้นๆ แต่ก็ยังคงยึดหลักเดิมที่เน้นการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา

5. ประเด็นที่ 3 รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2521-2534   ประเด็นที่ 4  รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2540-2550  ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร  อธิบาย

ตอบ  มีความส่งเสริมและบำรุงการศึกษาอบรมและการฝึกอบรมตามความเหมาะสมและความต้องการของประเทศ รัฐเป็นสถาบันหลักในการจัดระบบการศึกษาอบรมโดยเฉพาะสถานศึกษาทั้งปวงย่อมอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของรัฐ รัฐพึงช่วยเหลือผู้ยากไร้ให้ได้รับทุนและปัจจัยต่าง ๆ บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาในขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปีที่รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย และนอกจากนี้ในการศึกษาอบรมขององค์กรวิชาชีพและเอกชนภายต่างๆ ย่อมต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลและการคุ้มครองของรัฐ



6. เหตุใดรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับจะต้องระบุในประเด็นที่รัฐจะต้องจัดการศึกษาอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง  อธิบาย

 ตอบ  เหตุที่ต้องระบุประเด็นที่รัฐต้องจัดการศึกษาอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง เนื่องในสังคมของประเทศไทยมีฐานะทางครอบครัวที่แต่ต่างกัน ซึ่งมีทั้ง รวย ปานกลางและจนและแนวโน้มของคนส่วนน้อยมีฐานะอยู่ในระดับที่รวย นอกจากนั้นจัดอยู่ในกลุ่มฐานะปานกลาง และจน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญก็ได้กับหนดไว้ว่าคนทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน แลพด้วยเหตุนี้ในจัดการศึกษาเองก็ต้องจัดอย่างเป็นธรรมและทั่วถึงเพราะทุกคนจะต้องได้รับสิทธิและเสรีภาพความเสมอภาคเท่าเทียมกัน เพื่อต้องการให้ทุกคนมีการศึกษาที่เท่าเทียม โดยไม่แบ่งชั้นวรรณะ อันเป็นเหตุให้เกิดความเหลื่อมล้ำได้ในที่สุด แต่ในการปรับรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามความต้องการของประเทศและตามเศรษฐกิจที่ต้องบการพัฒนา

 7. เหตุใดรัฐจึงต้องกำหนด “บุคคลมีหน้าที่รับการศึกษาอบรมตามเงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ” จงอธิบาย หากไม่ปฏิบัติจะเกิดอะไรขึ้น

ตอบ  หากไม่ปฏิบัติตามที่รัฐกำหนด แสดงว่า เป็นบุคคลที่ละเมิดต่อหน้าที่และรวมถึงสิทธิของตนเองเช่นเดียวกันในการเข้ารับการศึกษาตามเงื่อนไขและวิธีการกฎหมาย ซึ่งอาจะจะเป็นผู้ละเมิดกฎหมายและผิดกฎหมาย และอาจะนำไปสู่การรับโทษ และปรับในการไม่ปฏิบัติตามกฎ

8. การจัดการศึกษาที่เปิดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา หากเราพิจารณารัฐธรรมนูญมีฉบับใดบ้างที่ให้องค์กรส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วม เเละถ้าเปิดโกาสให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมมากขึ้น ท่านคิดว่าเป็นอย่างไร จงอธิบาย

ตอบ   รัฐธรรมนูญฉบับที่ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วม ได้แก่  ฉบับที่ 5-10  (พ.ศ. 2540-2550) และหากเปิดโอกาสให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมมากขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะในการจัดการศึกษาที่กระจายอำนาจเข้าสู่ท้องถิ่นเช่นนี้ทำให้ผู้คนในภมิภาคต่าง ๆ ได้เข้าใจและเข้าถึงการศึกษามากยิ่งขึ้น เห็นความสำคัญ ในการเข้าศึกษาเล่าเรียนมากยิ่งขึ้น เพิ่มตัวเลือกในกระประกอบอาชีพ การพัฒนานาตนให้เข้าทันกับยุคสมัย ทั้งนี้ในการจัดการศึกษาที่รัฐมองให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นดูแลสถานศึกษาในบริเวณนั้นๆ จะเป็นการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพที่มีความเสมอภาคมากยิ่งขึ้น ทุกคนมีสิทธิและหน้าที่ที่จะเข้าอบรมศึกษาเล่าเรียนมากยิ่งขึ้น โดยมีองค์กรที่ค่อยสนับสนุนและพัฒนาอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งมีคุณภาพเทียบเท่ากับที่อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐ

9. เหตุใดการจัดการศึกษา  รัฐต้องคุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน  ส่งเสริมความเสมอ ภาคทั้งหญิงและชาย  พัฒนาความเป็นปึกแผ่นของครอบครัว  และความเข็มแข็งของชุมชน  สังเคราะห์ผู้ยากไร้  ผู้พิการหรือทุพพลภาพและผู้ด้อยโอกาส  จงอธิบาย

ตอบ  เพราะรัฐพึงสงเสริมและช่วยเหลือเด็กในทุกรูปแบบให้มีความเท่าเทียมและทั่วถึงในด้านการศึกษา อีกทั้งให้เยาวชนเรียนรู้สิทธิและเสรีภาพที่เสมอภาคกันในทุกด้านของการศึกษา ทั้งนี้ก็เพื่อให้เยาวชนเหล่านี้สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเท่าเทียมและปกติสุข เป็นบุคคลความสมบูรณ์ในด้านต่าง ๆ จนกลายเป็นเยาวชนที่สมบูรณ์ทางร่ายกาย จิตใจ และสติปัญญา และนอกจากนี้นั้นก็เพื่อช่วยเหลือให้ผู้เรียนมีจิตสำนึกของความเป็นไทย มีระเบียบวินัย คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม และยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจะส่งผลให้เด็กและเยาวชนเหล่านี้เป็นกำลังที่จะช่วยพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปด้วยความรู้ ความสามารถและคุณธรรมที่ดี

10. ผลการจัดการศึกษาที่ผ่านมาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน  มีผลต่อการพัฒนาประเทศ อย่างไรบ้าง  จงอธิบาย

ตอบ  ผลการจัดการศึกษาที่ผ่านมาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทำให้เกิดนโยบายเรียนฟรี 15 ปีขึ้น ลดภาระค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์การเรียน มีการมอบทุนการศึกษา และการให้การศึกษาแก่ผู้พิการในการเรียนร่วมในโรงเรียนปกติกับเด็กทั่วไปได้ ดังนั้นทำให้บุคคลมีสิทธิได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้นและสามารถลดความเลื่อมล้ำในด้านการศึกษาในประเทศได้  เมื่อมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยขึ้นและมีการปรับปรุงแก้ไขในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้จึงมีพัฒนาการเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่เสรีภาพการศึกษาอบรมให้กับเด็กและเยาวชนให้เป็นผู้มีความสมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย จิตใจ  สติปัญญา  คุณธรรมจริยธรรมเป็นแนวทางในการจัดการศึกษา      รัฐจะต้องจัดการศึกษาและสนับสนุนให้เอกชนจัดการศึกษาอบรมให้เกิดความรู้คู่คุณธรรมเช่นเดียวกัน และในการจัดการศึกษาภาคบังคับให้เข้ารับการศึกษาอบรมโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ต่อมาได้เพิ่มเติมจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี รัฐจะต้องจัดอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ พร้อมทั้งจัดให้มีกฎหมายการศึกษาแห่งชาติ  หรือเรียกชื่อว่า “พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติขึ้น”  ซึ่งส่งผลให้เยาวชนมีความรู้ ความสามารถ ได้รับการส่งเสริมที่ทั่วถึง ทำให้เยาวชนเป็นกำลังที่สำคัญในการพัฒนาประเทศชาติและ  มีความสามารถในการแข่งในเวทีโลกได้มากยิ่งขึ้นและเป็นการยกระดับการศึกษาไทยให้ก้าวหน้ายิ่งไปกว่าเดิม ทั้งนี้ก็จะส่งผลให้ประเทศไทยมีโอกาสในการแข่งขันในเวทีโลกมากยิ่งขึ้น อาจกล่าวได้ว่า การจัดการศึกษาที่ผ่านมาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติทำให้ศึกษาของไทยมีระบบ มีความคล่องตัว             มีความสามารถในการแข่งขันในระดับต่าง ๆและในเวทีโลกมากขึ้น อีกทั้งยังลดความเลื่อมล้ำทางด้านการศึกษาได้มากขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น